Q&A กับหมอเติ้ง เคลียร์ทุกข้อสงสัย เรื่อง 'โบท็อกซ์' ชีวิตเปลี่ยนจาก 'หน้าบาน' สู่ 'หน้าเรียว' จริงไหม?
- SPARK IDEA
- 16 พ.ค.
- ยาว 7 นาที
อัปเดตเมื่อ 17 ก.ค.

สวัสดีครับทุกท่าน! ผม นพ.อภิรักษ์ วงษ์เสาวศุภ หรือที่หลายๆ คนรู้จักกันในชื่อ “หมอเติ้ง” แพทย์ผู้ก่อตั้งและเจ้าของ Aurora Clinic คลินิกเสริมความงาม ที่ตั้งใจปั้นความมั่นใจและเติมเต็มความสวยในแบบที่เป็นคุณ ทั้งที่ สุราษฎร์ธานี และ เกาะสมุย ครับ วันนี้ผมอยากจะมาพูดคุยแบบสบายๆ แต่เจาะลึกถึงเรื่องที่หลายๆ คนถามกันเข้ามาเยอะมากกกก… นั่นก็คือเรื่องของ โบท็อกซ์ (Botox) ครับ!
เชื่อไหมครับว่าในฐานะแพทย์ที่คลุกคลีอยู่ในวงการ คลินิกเสริมความงาม มานาน ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและความต้องการของคนไข้มากมาย แต่สิ่งที่ยังคงได้รับความนิยมและเป็นเหมือน “พระเอก” ในการปรับรูปหน้าให้สวยเป๊ะอยู่เสมอ ก็คือเจ้า โบท็อกซ์ นี่แหละครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับใครที่กำลังกังวลเรื่อง “หน้าบาน” อยากมี “หน้าเรียว” สวยเฉี่ยวแบบดารา ผมบอกเลยว่า โบท็อกซ์ นี่แหละคือตัวช่วยสำคัญ!
แต่ก่อนที่เราจะไปลงลึกถึงเรื่อง โบท็อกซ์ กับการเปลี่ยน “หน้าบาน” เป็น “หน้าเรียว” ผมอยากจะเล่าให้ฟังถึงความเป็นมาของ Aurora Clinic สักเล็กน้อยครับ เพราะผมเชื่อว่าการที่เราจะมอบความไว้วางใจให้ใครดูแลเรื่องความสวยความงามของเรา สิ่งสำคัญที่สุดคือความเชื่อมั่นและความเข้าใจในปรัชญาของคลินิกนั้นๆ ครับ
Aurora Clinic เริ่มต้นจากความตั้งใจของผมที่อยากจะสร้าง คลินิกเสริมความงาม ที่ไม่ได้มองแค่เรื่องความสวยงามภายนอก แต่เราใส่ใจถึงความรู้สึกและความต้องการที่แท้จริงของคนไข้แต่ละคน เราเชื่อว่าทุกคนมีความสวยงามในแบบของตัวเอง และหน้าที่ของเราคือการช่วยดึงความสวยงามนั้นออกมาให้เปล่งประกายมากยิ่งขึ้น ด้วยทีมแพทย์และบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ เครื่องมือและผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัยและได้มาตรฐานระดับสากล ทำให้ Aurora Clinic เป็นที่ไว้วางใจของคนไข้ทั้งใน สุราษฎร์ธานี และ เกาะสมุย มาอย่างยาวนานครับ
และแน่นอนว่าหนึ่งในบริการยอดนิยมของเราก็คือการฉีด โบท็อกซ์ ครับ ซึ่งไม่ใช่แค่การฉีดเพื่อลดริ้วรอยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการปรับรูปหน้าให้เรียวสวยได้อย่างเป็นธรรมชาติด้วยครับ
“โบท็อกซ์” คืออะไร? ทำไมถึงช่วยให้ “หน้าเรียว” ได้?
อย่างที่ผมได้กล่าวไปแล้วว่า โบท็อกซ์ (Botox) เป็นชื่อทางการค้าที่คุ้นหู แต่จริงๆ แล้วสาระสำคัญของมันคือ Botulinum Toxin Type A ครับ ซึ่งเป็นโปรตีนที่สร้างจากแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า Clostridium botulinum ครับ ฟังดูอาจจะน่าตกใจสักหน่อย แต่ต้องบอกว่าในทางการแพทย์ เราได้นำสารนี้มาใช้ประโยชน์อย่างมากมายเลยทีเดียวครับ
โบท็อกซ์จากยาพิษสู่ยาที่ช่วยชีวิตและเสริมความงาม
เรื่องราวของ Botulinum Toxin เริ่มต้นจากการค้นพบในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 เมื่อเกิดการระบาดของโรคอาหารเป็นพิษจากการบริโภคไส้กรอกที่ไม่สะอาด นักวิทยาศาสตร์พบว่าสาเหตุมาจากแบคทีเรีย Clostridium botulinum ที่ผลิตสารพิษร้ายแรงออกมา แต่ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ ในที่สุดนักวิทยาศาสตร์ก็สามารถสกัดและทำให้สารพิษนี้บริสุทธิ์ จนกลายเป็นยาที่มีประโยชน์มากมายครับ
ในทางการแพทย์ เริ่มมีการนำ Botulinum Toxin มาใช้รักษาโรคต่างๆ ตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1980 เช่น โรคตาเหล่ (Strabismus) โรคกล้ามเนื้อคอกระตุก (Cervical Dystonia) และภาวะกล้ามเนื้อเกร็งผิดปกติอื่นๆ ครับ จนกระทั่งในปี 2002 องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) ได้อนุมัติให้ใช้ Botulinum Toxin Type A ในด้านความงาม เพื่อลดเลือนริ้วรอยบริเวณหว่างคิ้ว และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของความนิยมในการใช้ โบท็อกซ์ เพื่อเสริมความงามอย่างแพร่หลายทั่วโลกครับ
กลไกการทำงานที่น่าทึ่งของโบท็อกซ์
หัวใจสำคัญของการทำงานของ โบท็อกซ์ คือการเข้าไปยับยั้งการหลั่งสารสื่อประสาทที่ชื่อว่า Acetylcholine ครับ สารนี้มีหน้าที่ในการส่งสัญญาณจากเส้นประสาทไปยังกล้ามเนื้อ เพื่อกระตุ้นให้กล้ามเนื้อหดตัว เมื่อเราฉีด โบท็อกซ์ เข้าไปในกล้ามเนื้อ สารนี้จะไปจับกับปลายประสาท ทำให้การส่งสัญญาณ Acetylcholine ถูกบล็อกชั่วคราว ส่งผลให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นคลายตัวและไม่สามารถหดตัวได้ตามปกติครับ
ทำไมกลไกนี้ถึงช่วยให้ “หน้าเรียว” ได้?
จาก “กล้ามเนื้อที่แข็งแรง” สู่ “กรอบหน้าที่เรียวสวย”: เส้นทางการเปลี่ยนแปลงด้วยโบท็อกซ์
เมื่อเราฉีด โบท็อกซ์ เข้าไปที่กล้ามเนื้อกราม (Masseter Muscle) สิ่งที่เกิดขึ้นคือสาร Botulinum Toxin Type A จะเข้าไป “บล็อก” การสื่อสารระหว่างเส้นประสาทกับกล้ามเนื้อครับ เปรียบเสมือนการที่เราส่งสัญญาณไปบอกกล้ามเนื้อว่า “ไม่ต้องทำงานหนักเหมือนเดิมแล้วนะ พักผ่อนได้”

ผลลัพธ์ระยะสั้น: กล้ามเนื้อคลายตัว
ในระยะแรกหลังการฉีด ประมาณ 1-2 สัปดาห์ คุณจะเริ่มรู้สึกว่ากล้ามเนื้อกรามบริเวณข้างแก้มมีความตึงน้อยลง อาจจะรู้สึกนิ่มขึ้นเมื่อลองจับดู นั่นเป็นสัญญาณว่า โบท็อกซ์ เริ่มออกฤทธิ์ ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว ไม่หดเกร็งเหมือนเดิม
ผลลัพธ์ระยะยาว: กล้ามเนื้อมีขนาดเล็กลง (Muscle Atrophy)
นี่คือหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงไปสู่ “หน้าเรียว” ครับ เมื่อกล้ามเนื้อกรามไม่ได้รับการกระตุ้นให้หดตัวอย่างเต็มที่เหมือนเคย เนื่องจาก โบท็อกซ์ ไปยับยั้งการส่งสัญญาณประสาท กล้ามเนื้อก็จะค่อยๆ “ลีบ” ลง หรือมีขนาดเล็กลงครับ หลักการนี้คล้ายกับการที่เราไม่ได้ออกกำลังกายกล้ามเนื้อส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายเป็นเวลานาน กล้ามเนื้อนั้นก็จะค่อยๆ เล็กลงและอ่อนแรงลงนั่นเองครับ
จินตนาการถึงการเปลี่ยนแปลง:
ลองนึกภาพนะครับว่า กล้ามเนื้อกรามที่เคยมีขนาดใหญ่และแข็งแรง ทำให้ใบหน้าบริเวณขากรรไกรดูกว้างและเป็นเหลี่ยม เหมือนมี “ก้อนเนื้อ” ที่ทำให้กรอบหน้าไม่เรียวสวย เมื่อเราฉีด โบท็อกซ์ และกล้ามเนื้อค่อยๆ มีขนาดเล็กลง “ก้อนเนื้อ” เหล่านั้นก็จะค่อยๆ ยุบตัวลง ทำให้ใบหน้าบริเวณขากรรไกรดูแคบและเรียวขึ้นอย่างเห็นได้ชัดครับ
การปรับเปลี่ยนองศาของใบหน้า:
การที่กล้ามเนื้อกรามมีขนาดเล็กลงยังส่งผลต่อองศาของใบหน้าด้วยครับ ใบหน้าที่เคยดูกว้างและเป็นเหลี่ยม (คล้ายรูปสี่เหลี่ยม) ก็จะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นรูปหน้าที่เรียวขึ้น มีช่วงคางที่ดูแคบลง ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูเป็นรูปตัว V มากขึ้น ซึ่งเป็นรูปหน้าที่หลายๆ คนปรารถนาครับ
ความแตกต่างที่ละเอียดอ่อนแต่ชัดเจน:
การเปลี่ยนแปลงนี้อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นแบบทันทีทันใด แต่จะเป็นกระบวนการที่ค่อยเป็นค่อยไป ทำให้การเปลี่ยนแปลงดูเป็นธรรมชาติและไม่突兀ครับ คนรอบข้างอาจจะสังเกตว่าคุณดูสวยขึ้น ดูดีขึ้น แต่บอกไม่ถูกว่าไปทำอะไรมา นั่นแหละครับคือผลลัพธ์ที่สวยงามและเป็นธรรมชาติของการฉีด โบท็อกซ์ เพื่อปรับรูปหน้า
ไม่ใช่แค่กล้ามเนื้อกราม:
ถึงแม้ว่าเราจะเน้นไปที่กล้ามเนื้อกรามในการปรับรูปหน้าให้เรียว แต่ในบางกรณี แพทย์อาจจะพิจารณาฉีด โบท็อกซ์ ในบริเวณอื่นๆ ของใบหน้า เช่น กล้ามเนื้อบริเวณคาง (Mentalis Muscle) เพื่อช่วยให้คางดูเรียวยาวขึ้น หรือกล้ามเนื้อบริเวณกรอบหน้า (Platysma Muscle) เพื่อช่วยยกกระชับกรอบหน้าให้คมชัดยิ่งขึ้น ซึ่งจะยิ่งเสริมให้ใบหน้าโดยรวมดูเรียวสวยมากยิ่งขึ้นครับ
จากประสบการณ์ของ “หมอเติ้ง”:
จากประสบการณ์ของผมที่ Aurora Clinic ผมได้เห็นคนไข้จำนวนมากที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงรูปหน้าจาก “หน้าบาน” เป็น “หน้าเรียว” ด้วย โบท็อกซ์ ครับ พวกเขามีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น กล้าที่จะยิ้มและถ่ายรูปมากขึ้น และมีความสุขกับรูปลักษณ์ของตัวเองมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดครับ
เป็นเรื่องจริงที่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า คำว่า “โบท็อกซ์” ที่เราคุ้นเคยกันนั้น จริงๆ แล้วเป็นเพียงชื่อทางการค้าของผลิตภัณฑ์ Botulinum Toxin Type A จากบริษัท Allergan เท่านั้นครับ เหมือนกับที่เราเรียกผงซักฟอกว่า “แฟ้บ” ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วอาจจะเป็นยี่ห้ออื่นก็ได้
ในความเป็นจริงแล้ว ในตลาดปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ Botulinum Toxin Type A จากหลากหลายบริษัทผู้ผลิตทั่วโลกครับ ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็จะมีชื่อทางการค้าที่แตกต่างกันออกไปครับ
หลากหลายชื่อ… แต่หัวใจหลักคือสารเดียวกัน
ถึงแม้ว่าจะมีหลายยี่ห้อ แต่ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีสารออกฤทธิ์หลักเหมือนกันครับ นั่นก็คือ Botulinum Toxin Type A ซึ่งเป็นโปรตีนบริสุทธิ์ที่ออกฤทธิ์ในการยับยั้งการทำงานของระบบประสาทบริเวณกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว
ตัวอย่างชื่อทางการค้าของ Botulinum Toxin Type A ที่อาจจะเคยได้ยิน
จุดเด่น: ถือเป็นผลิตภัณฑ์ Botulinum Toxin Type A ตัวแรกที่ได้รับการอนุมัติจาก FDA และเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก มีประวัติการใช้งานที่ยาวนานและงานวิจัยรองรับมากมาย ได้รับความไว้วางใจจากแพทย์และผู้บริโภคมาอย่างยาวนาน
ลักษณะ: มักถูกมองว่าเป็น "Gold Standard" ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Botulinum Toxin Type A
ข้อควรทราบ: มีราคาค่อนข้างสูงกว่าบางยี่ห้อ
จุดเด่น: เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและได้รับการยอมรับในระดับสากล มีจุดเด่นในเรื่องของหน่วยการวัดที่แตกต่างจาก Botox® (โดยประมาณ 1 ยูนิตของ Botox® จะเท่ากับ 2.5-3 ยูนิตของ Dysport®) และอาจมีการกระจายตัวของยาที่กว้างกว่าเล็กน้อย ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ในการรักษาบางบริเวณ เช่น การลดเลือนริ้วรอยบริเวณกว้าง
ลักษณะ: ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ และอาจเริ่มเห็นผลเร็วกว่าในบางคน
ข้อควรทราบ: หน่วยการวัดที่แตกต่างอาจทำให้ผู้ที่ไม่คุ้นเคยสับสนได้
จุดเด่น: สิ่งที่โดดเด่นของ Xeomin® คือเป็นผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า "Pure" Botulinum Toxin Type A ซึ่งหมายถึงมีเพียงโมเลกุลของ Neurotoxin ที่ออกฤทธิ์ โดยไม่มี Complexing Proteins ที่อาจพบได้ในผลิตภัณฑ์อื่นๆ ซึ่งบางคนเชื่อว่าอาจช่วยลดโอกาสในการเกิดการดื้อยาในระยะยาว
ลักษณะ: ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ และอาจมีโอกาสในการเกิดการแพ้ต่ำกว่าในบางราย
ข้อควรทราบ: อาจมีราคาที่สูงกว่าบางยี่ห้อ
จุดเด่น: เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย มีคุณภาพที่ดีและมักจะมีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าบางยี่ห้อ ทำให้เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการฉีด Botulinum Toxin Type A
ลักษณะ: ให้ผลลัพธ์ที่เป็นที่น่าพอใจ และมีการใช้งานอย่างแพร่หลาย
ข้อควรทราบ: อาจมีข้อมูลและงานวิจัยรองรับน้อยกว่า Botox® ในบางแง่มุม
Aestox® (Huons Bio Pharma, เกาหลีใต้)

จุดเด่น: คล้ายกับ Nabota® คือเป็นผลิตภัณฑ์จากประเทศเกาหลีใต้ที่ได้รับความนิยมและมีราคาที่แข่งขันได้ มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับ และมีการใช้งานอย่างแพร่หลายในหลายคลินิก
ลักษณะ: ให้ผลลัพธ์ที่ดี และเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ
ข้อควรทราบ: เช่นเดียวกับ Nabota® อาจมีข้อมูลและงานวิจัยรองรับน้อยกว่า Botox® ในบางแง่มุม
ความแตกต่างที่อาจมี:
ถึงแม้ว่าสารออกฤทธิ์หลักจะเหมือนกัน แต่ผลิตภัณฑ์ โบท็อกซ์ แต่ละยี่ห้ออาจจะมีความแตกต่างกันเล็กน้อยในเรื่องของ:
สูตรและส่วนประกอบ: อาจมีส่วนผสมหรือสารปรุงแต่งที่แตกต่างกันเล็กน้อย
ความเข้มข้น: ความเข้มข้นของตัวยาอาจจะแตกต่างกันในแต่ละผลิตภัณฑ์
ขนาดโมเลกุล: ขนาดของโมเลกุลอาจมีผลต่อการกระจายตัวของยาหลังฉีด
กระบวนการผลิต: กระบวนการผลิตและเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตอาจแตกต่างกันไป
สิ่งที่สำคัญกว่าชื่อยี่ห้อ… คือคุณภาพและความปลอดภัย:
ในฐานะแพทย์ ผมมองว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ Botulinum Toxin Type A ไม่ใช่แค่ชื่อยี่ห้อ แต่เป็นเรื่องของ คุณภาพ ความปลอดภัย และ ความน่าเชื่อถือ ของผลิตภัณฑ์นั้นๆ ครับ ผลิตภัณฑ์ที่เราเลือกใช้จะต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง เช่น องค์การอาหารและยา (อย.) ของแต่ละประเทศ รวมถึงต้องมีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์และการวิจัยที่รองรับถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัย
ความสำคัญของ “ของแท้”:
อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมากคือการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ โบท็อกซ์ ที่เป็น ของแท้ เท่านั้นครับ ในปัจจุบัน มีผลิตภัณฑ์ปลอมหรือไม่ได้มาตรฐานจำนวนมากในตลาด ซึ่งอาจจะเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคได้ ดังนั้น การเลือก คลินิกเสริมความงาม ที่มีความน่าเชื่อถือและใช้ผลิตภัณฑ์ที่สามารถตรวจสอบได้จึงเป็นเรื่องสำคัญมากครับ
ประโยชน์ของโบท็อกซ์… ไม่ได้มีแค่เรื่อง “หน้าเรียว”
นอกเหนือจากความสามารถอันโดดเด่นในการปรับรูปหน้าให้เรียวสวยแล้ว โบท็อกซ์ ยังมีประโยชน์อีกมากมายในโลกของความงามและการรักษาโรค ซึ่งหลายๆ คนอาจจะยังไม่ทราบครับ ผมอยากจะพาไปดูกันว่าเจ้า โบท็อกซ์ เนี่ย เขามีดีอะไรมากกว่าที่เราคิดกันครับ
“โบท็อกซ์” มัลติทาสกิ้ง: สารพัดประโยชน์ที่คุณอาจไม่เคยรู้
1. ผู้ช่วยตัวเก่งในการลดเลือนริ้วรอย:
นี่อาจจะเป็นประโยชน์ที่หลายๆ คนคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วครับ โบท็อกซ์ มีประสิทธิภาพสูงในการลดเลือนริ้วรอยที่เกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อ หรือที่เราเรียกว่า ริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า (Dynamic Wrinkles) ซึ่งมักจะปรากฏบริเวณ:
หน้าผาก: รอยย่นตามขวางที่เกิดจากการเลิกคิ้ว
ระหว่างคิ้ว: รอยขมวดคิ้วที่ทำให้หน้าดูบึ้งตึง
หางตา: รอยตีนกาที่มาพร้อมกับการยิ้มและหัวเราะ
โบท็อกซ์ จะเข้าไปคลายกล้ามเนื้อบริเวณเหล่านี้ ทำให้ริ้วรอยต่างๆ ดูจางลง ผิวหน้าดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์ขึ้นครับ
2. ยกคิ้วให้ดวงตาสดใสขึ้น:
การฉีด โบท็อกซ์ ในบริเวณที่เหมาะสมรอบดวงตา สามารถช่วยยกหางคิ้วขึ้นเล็กน้อยได้ครับ ทำให้ดวงตาดูเปิดโต สดใส และใบหน้าโดยรวมดูอ่อนเยาว์ขึ้น เทคนิคนี้เป็นที่นิยมมากสำหรับผู้ที่ต้องการให้ดวงตาดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้นครับ
3. แก้ปัญหายิ้มเห็นเหงือก (Gummy Smile):
สำหรับบางท่านที่เวลายิ้มแล้วเห็นเหงือกมากเกินไปจนขาดความมั่นใจ การฉีด โบท็อกซ์ ในปริมาณเล็กน้อยบริเวณเหนือริมฝีปากบน สามารถช่วยคลายกล้ามเนื้อที่ดึงรั้งริมฝีปากขึ้นมากเกินไป ทำให้เวลายิ้มเห็นเหงือกน้อยลงและดูสวยงามมากยิ่งขึ้นครับ
4. ลบรอยย่นข้างจมูก (Bunny Lines):
รอยย่นเล็กๆ ที่ปรากฏบริเวณข้างจมูกเวลาที่เรายิ้มหรือขยี้ตา บางครั้งก็ทำให้ใบหน้าดูมีอายุได้ การฉีด โบท็อกซ์ ในบริเวณนี้สามารถช่วยให้รอยย่นเหล่านี้ดูเรียบเนียนขึ้นได้ครับ
5. เติมเต็มริมฝีปากบนแบบไม่ต้องฉีดฟิลเลอร์ (Lip Flip):
เทคนิคนี้กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ครับ โดยการฉีด โบท็อกซ์ ในปริมาณเล็กน้อยบริเวณขอบริมฝีปากบน จะช่วยให้ริมฝีปากบนดูยกขึ้นเล็กน้อยและดูอวบอิ่มขึ้นโดยไม่ต้องฉีดฟิลเลอร์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้ริมฝีปากดูมีวอลลุ่มขึ้นแบบธรรมชาติ
6. ลดรอยย่นบริเวณคาง (Pebble Chin):
บางคนอาจจะมีรอยย่นเล็กๆ บริเวณคางคล้ายผิวส้ม ซึ่งเกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อบริเวณคาง การฉีด โบท็อกซ์ สามารถช่วยให้ผิวบริเวณคางดูเรียบเนียนขึ้นได้ครับ
7. คลายปัญหารอยย่นที่คอ (Neck Bands หรือ Platysmal Bands):
เมื่ออายุมากขึ้น กล้ามเนื้อบริเวณคออาจจะเริ่มหย่อนคล้อยและเกิดเป็นแถบแนวตั้งที่เห็นชัดเจน การฉีด โบท็อกซ์ ในบริเวณนี้สามารถช่วยคลายกล้ามเนื้อและทำให้ลำคอดูเรียบเนียนขึ้นได้ครับ
8. ช่วยให้กรอบหน้าคมชัดขึ้น:
การฉีด โบท็อกซ์ ในบริเวณกรอบหน้า (บริเวณกล้ามเนื้อ Platysma) สามารถช่วยคลายกล้ามเนื้อที่ดึงรั้งลง ทำให้กรอบหน้าดูยกกระชับและคมชัดขึ้นได้
8. ปรับเรียวขา… ให้น่องสวยสมส่วน (Calf Legs Botox)
สำหรับบางท่านที่อาจจะมีความกังวลเกี่ยวกับขนาดของน่องที่ดูใหญ่ ไม่เรียวสวย ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุทางกรรมพันธุ์ หรือจากการออกกำลังกายที่เน้นกล้ามเนื้อน่องมากเกินไป การฉีด โบท็อกซ์ ก็สามารถเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการปรับให้เรียวขาดูสมส่วนและสวยงามมากยิ่งขึ้นได้ครับ

นอกจากเรื่องความงามแล้ว “โบท็อกซ์” ยังมีประโยชน์ทางการแพทย์อีกด้วย:
รักษาภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติ (Hyperhidrosis): โบท็อกซ์ สามารถช่วยลดการทำงานของต่อมเหงื่อในบริเวณต่างๆ เช่น ใต้วงแขน ฝ่ามือ และฝ่าเท้า ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รักษาอาการปวดศีรษะเรื้อรัง (Chronic Migraines): การฉีด โบท็อกซ์ ในบริเวณศีรษะและคอตามจุดที่กำหนด สามารถช่วยลดความถี่และความรุนแรงของอาการปวดศีรษะเรื้อรังได้
รักษาอาการกล้ามเนื้อหดเกร็งผิดปกติ (Muscle Spasms and Dystonia): โบท็อกซ์ ถูกนำมาใช้ในการรักษาอาการกล้ามเนื้อหดเกร็งในโรคต่างๆ เช่น โรคคอบิด (Cervical Dystonia) หรือภาวะหนังตากระตุก (Blepharospasm)
รักษาอาการนอนกัดฟัน (Bruxism): อย่างที่เราได้กล่าวไปแล้ว การฉีด โบท็อกซ์ ที่กล้ามเนื้อกรามสามารถช่วยลดการบดเคี้ยวฟันขณะนอนหลับได้
“โบท็อกซ์” เปรียบเสมือนศิลปะ… ที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ
จะเห็นได้ว่า โบท็อกซ์ มีประโยชน์มากมายจริงๆ ครับ แต่การที่จะใช้ โบท็อกซ์ ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยนั้น จำเป็นต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญครับ การฉีดในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้อง หรือใช้ปริมาณที่ไม่เหมาะสม อาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้
ความปลอดภัยของโบท็อกซ์
“โบท็อกซ์”: ปลอดภัยจริงหรือ? ไขข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัย
ข่าวดีก็คือ โบท็อกซ์ เป็นหัตถการที่ได้รับการยอมรับในเรื่องความปลอดภัยสูงมากครับ เมื่อได้รับการฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องกายวิภาคของใบหน้า และใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานและเป็นของแท้
ประวัติการใช้งานที่ยาวนานและการรับรองจากหน่วยงานระดับโลก:
โบท็อกซ์ ถูกนำมาใช้ทางการแพทย์มาเป็นเวลานานหลายสิบปีแล้วครับ เริ่มต้นจากการรักษาโรคทางระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ก่อนที่จะได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในด้านความงาม ผลิตภัณฑ์ โบท็อกซ์ ที่ใช้ในคลินิกที่ได้มาตรฐาน เช่น ที่ Aurora Clinic ของเรา จะต้องผ่านการรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เข้มงวด เช่น องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของประเทศไทย ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์
กลไกการทำงานที่เฉพาะเจาะจงและผลกระทบที่จำกัด:
โบท็อกซ์ ออกฤทธิ์โดยการยับยั้งการปล่อยสารสื่อประสาท Acetylcholine ที่บริเวณรอยต่อระหว่างเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นคลายตัว การออกฤทธิ์ของ โบท็อกซ์ จะเกิดขึ้นเฉพาะบริเวณที่ฉีดเท่านั้นครับ ไม่ได้กระจายตัวไปทั่วร่างกายในปริมาณที่เป็นอันตราย
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น (ส่วนใหญ่ไม่รุนแรงและชั่วคราว):
เช่นเดียวกับการทำหัตถการอื่นๆ โบท็อกซ์ ก็อาจมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้บ้าง แต่ส่วนใหญ่มักจะไม่รุนแรงและหายได้เองภายในระยะเวลาสั้นๆ ครับ ผลข้างเคียงที่อาจพบได้ เช่น:
รอยแดงหรือรอยช้ำบริเวณที่ฉีด: เป็นอาการที่พบได้บ่อย และมักจะหายไปภายใน 1-2 วัน
อาการบวมเล็กน้อย: อาจเกิดขึ้นได้บ้าง แต่จะค่อยๆ ดีขึ้นภายในไม่กี่ชั่วโมง
อาการปวดศีรษะเล็กน้อย: บางคนอาจมีอาการปวดศีรษะเล็กน้อยหลังฉีด ซึ่งสามารถบรรเทาได้ด้วยยาแก้ปวดทั่วไป
อาการหนังตาตกหรือคิ้วตกชั่วคราว: เป็นผลข้างเคียงที่พบได้น้อย และมักจะเกิดจากการฉีดในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม ซึ่งเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
อาการคล้ายไข้หวัด: พบได้น้อยมาก และมักจะหายได้เอง
ผลข้างเคียงที่รุนแรง (พบได้น้อยมาก):
ผลข้างเคียงที่รุนแรงจากการฉีด โบท็อกซ์ นั้นพบได้น้อยมากครับ หากได้รับการฉีดโดยแพทย์ที่มีความรู้ความชำนาญและใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน
ความสำคัญของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและคลินิกที่ได้มาตรฐาน:
หัวใจสำคัญของความปลอดภัยในการฉีด โบท็อกซ์ คือการเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์และมีความเข้าใจในเรื่องกายวิภาคของใบหน้าเป็นอย่างดี รวมถึงการเลือก คลินิกเสริมความงาม ที่ได้มาตรฐาน ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย และมีระบบการดูแลความสะอาดและสุขอนามัยที่ดี
“หน้าบาน” ไม่ได้มีแค่แบบเดียว: ทำความเข้าใจสาเหตุที่แท้จริง
อย่างที่ผมได้เกริ่นไปในตอนต้นว่า “หน้าบาน” สามารถมีสาเหตุได้หลากหลายครับ การที่เราจะเลือกวิธีการแก้ไขที่เหมาะสม เราจำเป็นต้องทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่แท้จริงของ “หน้าบาน” ในแต่ละบุคคลเสียก่อน ซึ่งหลักๆ แล้ว “หน้าบาน” มักจะมาจากปัจจัยเหล่านี้ครับ:
โครงสร้างกระดูก: สำหรับบางท่าน โครงสร้างกระดูกบริเวณกรามอาจจะมีขนาดใหญ่ หรือมีลักษณะที่ทำให้ใบหน้าดูกว้างตั้งแต่โดยธรรมชาติ ซึ่งในกรณีนี้ การฉีด โบท็อกซ์ อาจจะช่วยปรับให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นเล็กลงได้บ้าง แต่จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกระดูกได้โดยตรงครับ
ไขมันสะสม: หากมีไขมันสะสมบริเวณแก้มหรือใต้คางมากเกินไป ก็อาจจะทำให้ใบหน้าดูกลมและกว้างได้ครับ ซึ่งในกรณีนี้ การแก้ไขอาจจะต้องพิจารณาการทำหัตถการอื่นๆ เช่น การฉีดเมโสแฟตเพื่อสลายไขมัน หรือการดูดไขมัน เพื่อลดปริมาณไขมันส่วนเกินครับ
กล้ามเนื้อกรามใหญ่ (Masseter Muscle): นี่คือ “พระเอก” ของเราในวันนี้ครับ! กล้ามเนื้อกรามเป็นกล้ามเนื้อที่สำคัญมากในการบดเคี้ยวอาหาร มันจะอยู่บริเวณด้านข้างของขากรรไกรล่างของเรา ลองเอามือแตะบริเวณข้างแก้มแล้วลองกัดฟันแน่นๆ ดูสิครับ คุณจะรู้สึกถึงกล้ามเนื้อที่แข็งๆ นั่นแหละครับคือกล้ามเนื้อกราม

เมื่อ “กล้ามเนื้อกราม” กลายเป็น “ผู้ร้าย” ของ “หน้าบาน”
ในบางคน กล้ามเนื้อกรามอาจจะมีขนาดใหญ่และแข็งแรงมากผิดปกติ ซึ่งอาจจะเกิดจาก:
กรรมพันธุ์: บางคนอาจจะมียีนที่ทำให้กล้ามเนื้อกรามมีแนวโน้มที่จะใหญ่กว่าคนอื่น
พฤติกรรมการเคี้ยวอาหาร: การเคี้ยวอาหารที่แข็งและเหนียวเป็นประจำ อาจจะกระตุ้นให้กล้ามเนื้อกรามทำงานหนักและมีขนาดใหญ่ขึ้นได้ เหมือนกับการที่เราออกกำลังกายกล้ามเนื้อแขนมากๆ แล้วกล้ามเนื้อแขนก็จะใหญ่ขึ้นนั่นเองครับ
การนอนกัดฟันหรือขบกราม (Bruxism): ภาวะนี้ทำให้กล้ามเนื้อกรามทำงานหนักตลอดคืนโดยที่เราไม่รู้ตัว ส่งผลให้กล้ามเนื้อกรามมีขนาดใหญ่ขึ้นและแข็งแรงขึ้นได้
เมื่อกล้ามเนื้อกรามมีขนาดใหญ่ขึ้น ก็จะทำให้ใบหน้าบริเวณขากรรไกรดูกว้างและเป็นเหลี่ยมมากขึ้น ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูไม่เรียวสวย หรือที่หลายๆ คนเรียกว่า “หน้าบาน” นั่นเองครับ
“โบท็อกซ์” เข้ามาช่วย “หน้าเรียว” ได้อย่างไร?
และนี่แหละครับคือจุดที่ โบท็อกซ์ ของเราเข้ามามีบทบาทสำคัญ! เมื่อเราฉีด โบท็อกซ์ ในปริมาณที่เหมาะสมเข้าไปยังกล้ามเนื้อกราม สาร Botulinum Toxin Type A จะเข้าไปออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของสารสื่อประสาท Acetylcholine ที่ทำหน้าที่ส่งสัญญาณให้กล้ามเนื้อหดตัว
ลองจินตนาการนะครับว่า กล้ามเนื้อกรามที่เคยทำงานหนักและแข็งแรงอยู่ตลอดเวลา เหมือนนักกีฬาที่ฝึกซ้อมอยู่เสมอ เมื่อเราฉีด โบท็อกซ์ เข้าไป ก็เหมือนกับการ “สั่งพักงาน” กล้ามเนื้อชั่วคราว ทำให้กล้ามเนื้อไม่ต้องทำงานหนักเหมือนเดิม เมื่อกล้ามเนื้อไม่ได้ถูกใช้งานหนักๆ ก็จะค่อยๆ คลายตัวและมีขนาดเล็กลง เหมือนกับกล้ามเนื้อแขนที่เราไม่ได้ออกกำลังกายก็จะค่อยๆ เล็กลงนั่นเองครับ
เมื่อกล้ามเนื้อกรามมีขนาดเล็กลง ใบหน้าบริเวณขากรรไกรก็จะดูเรียวและแคบลง ทำให้กรอบหน้าโดยรวมดูคมชัดและสวยงามมากยิ่งขึ้นครับ นี่คือกลไกหลักๆ ที่ทำให้ โบท็อกซ์ สามารถช่วยเปลี่ยน “หน้าบาน” ที่มีสาเหตุมาจากกล้ามเนื้อกราม ให้กลายเป็น “หน้าเรียว” ที่ใครๆ ก็ปรารถนาได้ครับ
ไม่ใช่แค่ “หน้าเรียว”: ผลพลอยได้จาก “โบท็อกซ์” ที่กล้ามเนื้อกราม
นอกจากผลลัพธ์เรื่อง “หน้าเรียว” แล้ว การฉีด โบท็อกซ์ ที่กล้ามเนื้อกรามยังมีผลพลอยได้อื่นๆ ที่น่าสนใจอีกด้วยนะครับ เช่น:
ช่วยลดอาการปวดกราม: สำหรับผู้ที่มีอาการปวดกรามจากการนอนกัดฟันหรือขบกราม การฉีด โบท็อกซ์ สามารถช่วยคลายกล้ามเนื้อและลดอาการปวดได้
ช่วยลดอาการตึงบริเวณขากรรไกร: ผู้ที่มีกล้ามเนื้อกรามตึงมากๆ อาจจะรู้สึกไม่สบายบริเวณขากรรไกร การฉีด โบท็อกซ์ จะช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายและรู้สึกสบายมากขึ้น

“หน้าบาน” แบบไหน… ที่ “โบท็อกซ์” ช่วยได้ดีที่สุด?
โดยสรุปแล้ว โบท็อกซ์ จะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่มีปัญหา “หน้าบาน” ที่มีสาเหตุหลักมาจาก กล้ามเนื้อกรามที่มีขนาดใหญ่ ครับ หาก “หน้าบาน” ของคุณเกิดจากโครงสร้างกระดูกหรือไขมันสะสม การรักษาด้วย โบท็อกซ์ อาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดครับ
ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดก่อนที่จะตัดสินใจฉีด โบท็อกซ์ คือการเข้ารับการปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้แพทย์ประเมินสภาพใบหน้าของคุณอย่างละเอียด และให้คำแนะนำถึงแนวทางการรักษาที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุดครับ ที่ Aurora Clinic ของเรา ทีมแพทย์ทุกคนพร้อมที่จะให้คำปรึกษาและตอบทุกข้อสงสัยของคุณอย่างตรงไปตรงมาครับ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ สุราษฎร์ธานี หรือ เกาะสมุย สามารถเข้ามาพูดคุยกับเราได้เลยครับ เรายินดีที่จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงสาเหตุของ “หน้าบาน” และแนะนำวิธีการแก้ไขที่เหมาะสมกับคุณที่สุดครับ
นานแค่ไหน… ถึงจะเรียกว่า “คุ้มค่า”? ปัจจัยที่กำหนดประสิทธิภาพและระยะเวลาของโบท็อกซ์
การฉีด โบท็อกซ์ เปรียบเสมือนการดูแลผิวพรรณและปรับรูปหน้าแบบที่เราต้องใส่ใจในรายละเอียดหลายๆ อย่างครับ ผลลัพธ์ที่ได้และระยะเวลาที่ โบท็อกซ์ จะคงอยู่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่ตัวยาเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยครับ
ปริมาณยาและเทคนิคการฉีดของแพทย์: นี่ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ครับ ปริมาณโบท็อกซ์ ที่ฉีดจะต้องเหมาะสมกับขนาดของกล้ามเนื้อและความต้องการของแต่ละบุคคล หากฉีดน้อยเกินไปก็อาจจะเห็นผลลัพธ์ไม่ชัดเจน หรือผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นาน ในขณะที่หากฉีดมากเกินไปก็อาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้
นอกจากปริมาณยาแล้ว เทคนิคการฉีด ของแพทย์ก็มีความสำคัญไม่แพ้กันครับ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องกายวิภาคของใบหน้าเป็นอย่างดี รู้ว่าจะต้องฉีดที่จุดไหน ความลึกเท่าไหร่ และในทิศทางใด เพื่อให้ยาออกฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและตรงจุดที่สุด ที่ Aurora Clinic ของเรา แพทย์ทุกท่านมีประสบการณ์และได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีในเรื่องเทคนิคการฉีด โบท็อกซ์ ครับ
ระบบเผาผลาญของแต่ละบุคคล: ร่างกายของแต่ละคนมีการเผาผลาญสารต่างๆ รวมถึง โบท็อกซ์ ในอัตราที่แตกต่างกันครับ บางคนอาจจะมีระบบเผาผลาญที่เร็วกว่า ทำให้ โบท็อกซ์ สลายตัวได้เร็วกว่า ในขณะที่บางคนอาจจะเห็นผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่า นี่เป็นปัจจัยที่เราไม่สามารถควบคุมได้โดยตรงครับ เหมือนกับการที่บางคนดื่มกาแฟแล้วตื่นตัวได้นาน ในขณะที่บางคนดื่มแล้วก็ยังง่วงอยู่ดีครับ
ความแข็งแรงและขนาดของกล้ามเนื้อ: สำหรับการฉีด โบท็อกซ์ เพื่อปรับรูปหน้าให้เรียวสวย หากคุณเป็นคนที่มีกล้ามเนื้อกรามที่ใหญ่และแข็งแรงมาก อาจจะจำเป็นต้องใช้ปริมาณ โบท็อกซ์ ที่มากกว่าคนที่มีกล้ามเนื้อกรามขนาดเล็กกว่า และอาจจะสังเกตเห็นว่าผลลัพธ์ในช่วงแรกอาจจะอยู่ได้ไม่นานเท่า เนื่องจากกล้ามเนื้อที่แข็งแรงอาจจะฟื้นตัวได้เร็วกว่า
ความถี่ในการฉีด: ในช่วงแรกๆ ที่เพิ่งเริ่มฉีด โบท็อกซ์ เพื่อปรับรูปหน้า อาจจะสังเกตเห็นว่าผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน แต่เมื่อฉีดซ้ำอย่างต่อเนื่อง กล้ามเนื้อกรามจะค่อยๆ อ่อนแรงลง ทำให้ในครั้งต่อๆ ไป ผลลัพธ์อาจจะอยู่ได้นานขึ้นครับ เหมือนกับการที่เราฝึกกล้ามเนื้อเป็นประจำ กล้ามเนื้อก็จะแข็งแรงขึ้น แต่ถ้าเราหยุดฝึก กล้ามเนื้อก็จะค่อยๆ เล็กลงและอ่อนแรงลงนั่นเองครับ
พฤติกรรมการใช้ชีวิต: แม้ว่าจะไม่มีงานวิจัยที่ยืนยันได้อย่างชัดเจน แต่ก็มีข้อสังเกตว่าบางพฤติกรรมการใช้ชีวิตอาจจะมีผลต่อระยะเวลาของ โบท็อกซ์ ได้บ้าง เช่น:
การออกกำลังกายอย่างหนัก: การออกกำลังกายที่หนักหน่วงอาจจะทำให้ระบบเผาผลาญทำงานมากขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผลให้ โบท็อกซ์ สลายตัวได้เร็วขึ้นเล็กน้อย
การเคี้ยวอาหารที่แข็งและเหนียวบ่อยๆ: การเคี้ยวอาหารเหล่านี้จะทำให้กล้ามเนื้อกรามทำงานหนัก ซึ่งอาจจะกระตุ้นให้กล้ามเนื้อกลับมาแข็งแรงเร็วขึ้น
การนอนกัดฟันหรือขบกราม: พฤติกรรมเหล่านี้จะทำให้กล้ามเนื้อกรามทำงานตลอดเวลา แม้ในขณะที่เราหลับ ซึ่งอาจจะส่งผลให้ โบท็อกซ์ หมดฤทธิ์เร็วขึ้น
การดูแลผิวพรรณ: แม้ว่าจะไม่ได้มีผลโดยตรงต่อ โบท็อกซ์ แต่การดูแลผิวพรรณให้มีสุขภาพดีโดยรวม ก็จะช่วยเสริมให้ผลลัพธ์ของการฉีด โบท็อกซ์ ดูดีและยาวนานยิ่งขึ้นได้ครับ
คุณภาพและชนิดของผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์: การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ โบท็อกซ์ ที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และเป็นของแท้ 100% เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการรักษา ที่ Aurora Clinic เราเลือกใช้ โบท็อกซ์ จากบริษัทชั้นนำที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลเท่านั้นครับ
การตอบสนองของร่างกายต่อโบท็อกซ์: ร่างกายของแต่ละคนอาจจะมีการตอบสนองต่อ โบท็อกซ์ ที่แตกต่างกันไป บางคนอาจจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนและอยู่ได้นาน ในขณะที่บางคนอาจจะมีการตอบสนองที่แตกต่างออกไป
ทำความเข้าใจ… เพื่อการดูแลที่เหมาะสม
การเข้าใจถึงปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ จะช่วยให้คุณสามารถตั้งความคาดหวังเกี่ยวกับการฉีด โบท็อกซ์ ได้อย่างเหมาะสม และสามารถดูแลตัวเองหลังการฉีดได้อย่างถูกต้อง เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานที่สุด
ใครบ้างที่ “โบท็อกซ์” อาจจะช่วยเสริมความมั่นใจและแก้ปัญหาได้?
1. ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวสวย (เน้นไปที่ “หน้าบาน” ที่เกิดจากกล้ามเนื้อกราม):
สังเกตตัวเอง: หากคุณรู้สึกว่าใบหน้าบริเวณกรามดูกว้างและเป็นเหลี่ยม โดยเฉพาะเวลาที่กัดฟันแล้วรู้สึกว่ามีกล้ามเนื้อแข็งๆ ปูดออกมาบริเวณข้างแก้ม นั่นอาจจะเป็นสัญญาณว่าคุณมีกล้ามเนื้อกรามที่ใหญ่ครับ
ทางเลือกที่ไม่ต้องผ่าตัด: สำหรับใครที่อยากมีใบหน้าที่เรียวขึ้น แต่ไม่อยากผ่าตัด การฉีด โบท็อกซ์ ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากครับ เพราะเป็นการรักษาที่ไม่ต้องพักฟื้นนาน เห็นผลลัพธ์ได้ และมีความเสี่ยงต่ำเมื่อทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ผู้ที่เคยลองวิธีอื่นแล้วไม่ได้ผล: บางคนอาจจะเคยลองบริหารใบหน้า หรือใช้วิธีอื่นๆ ในการปรับรูปหน้าแล้วแต่ยังไม่เห็นผล การฉีด โบท็อกซ์ อาจจะเป็นทางออกที่ตอบโจทย์มากกว่าครับ
2. ผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า:
ริ้วรอยจากการยิ้ม หัวเราะ หรือขมวดคิ้ว: ริ้วรอยเหล่านี้มักจะปรากฏชัดเจนขึ้นเมื่อเราแสดงสีหน้าต่างๆ เช่น รอยย่นบริเวณหน้าผาก รอยตีนกาบริเวณหางตา หรือรอยขมวดคิ้วระหว่างหว่างคิ้ว โบท็อกซ์ สามารถช่วยคลายกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดริ้วรอยเหล่านี้ได้ ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์ขึ้น
ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและเห็นได้ชัด: การฉีด โบท็อกซ์ มักจะให้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างรวดเร็ว โดยจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ และเห็นผลเต็มที่ภายใน 4-6 สัปดาห์ ทำให้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว
3. ผู้ที่มีปัญหาอื่นๆ ที่สามารถรักษาด้วยโบท็อกซ์ได้:
ยิ้มเห็นเหงือกเยอะ (Gummy Smile): บางคนอาจจะรู้สึกไม่มั่นใจเวลายิ้ม เพราะเห็นเหงือกมากเกินไป การฉีด โบท็อกซ์ ในปริมาณเล็กน้อยบริเวณริมฝีปากบนสามารถช่วยลดการยกตัวของริมฝีปากขณะยิ้มได้
ต้องการยกกระชับคิ้วเล็กน้อย: การฉีด โบท็อกซ์ ในบางบริเวณสามารถช่วยยกหางคิ้วขึ้นเล็กน้อย ทำให้ดวงตาดูสดใสและใบหน้าโดยรวมดูอ่อนเยาว์ขึ้น
มีเหงื่อออกมากผิดปกติ (Hyperhidrosis): โบท็อกซ์ สามารถช่วยลดการทำงานของต่อมเหงื่อได้ โดยเฉพาะบริเวณใต้วงแขน ฝ่ามือ และฝ่าเท้า เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเหงื่อออกมากจนรบกวนชีวิตประจำวัน
มีอาการปวดศีรษะจากกล้ามเนื้อตึง: ในบางกรณี แพทย์อาจจะพิจารณาใช้ โบท็อกซ์ ในการรักษาอาการปวดศีรษะที่เกิดจากความตึงเครียดของกล้ามเนื้อบริเวณศีรษะและคอ
ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับการฉีดโบท็อกซ์?
ถึงแม้ว่า โบท็อกซ์ จะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีบางกลุ่มที่ไม่แนะนำให้ฉีดครับ ได้แก่:
สตรีที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร: เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลความปลอดภัยที่ชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบของ โบท็อกซ์ ต่อทารกในครรภ์หรือทารกที่ได้รับนมแม่ จึงควรหลีกเลี่ยงการฉีดในช่วงนี้ครับ
ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด: ผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับระบบประสาทและกล้ามเนื้อ เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Myasthenia Gravis) หรือโรค Lambert-Eaton syndrome ควรหลีกเลี่ยงการฉีด โบท็อกซ์ เพราะอาจจะทำให้อาการของโรครุนแรงขึ้นได้
ผู้ที่มีประวัติแพ้สาร Botulinum Toxin หรือส่วนประกอบอื่นๆ ในผลิตภัณฑ์: หากเคยมีอาการแพ้ โบท็อกซ์ ในอดีต ก็ไม่ควรฉีดซ้ำครับ
ผู้ที่มีการติดเชื้อบริเวณที่จะฉีด: ควรรักษาอาการติดเชื้อให้หายดีก่อนทำการฉีด โบท็อกซ์ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค
ผู้ที่มีความคาดหวังที่ไม่สมจริง: โบท็อกซ์ สามารถช่วยปรับปรุงรูปลักษณ์ได้ แต่ก็มีข้อจำกัดครับ ผู้ที่คาดหวังผลลัพธ์ที่มากเกินไปอาจจะไม่พึงพอใจกับการรักษา
คำแนะนำจาก “หมอเติ้ง” ก่อนตัดสินใจฉีดโบท็อกซ์
สิ่งสำคัญที่สุดก่อนที่คุณจะตัดสินใจฉีด โบท็อกซ์ คือการเข้ารับการปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญครับ แพทย์จะทำการประเมินสภาพผิวและกล้ามเนื้อของคุณอย่างละเอียด สอบถามประวัติทางการแพทย์ และรับฟังความต้องการของคุณ เพื่อให้คำแนะนำว่า โบท็อกซ์ เป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับคุณหรือไม่ และควรจะฉีดในบริเวณใดบ้าง ในปริมาณเท่าไหร่ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุดครับ
ที่ Aurora Clinic ทั้งใน สุราษฎร์ธานี และ เกาะสมุย เราให้ความสำคัญกับการปรึกษาแพทย์ก่อนทำการรักษาทุกครั้งครับ ผมและทีมแพทย์ของเราพร้อมที่จะให้ข้อมูลที่ครบถ้วนและตอบทุกข้อสงสัยของคุณ เพื่อให้คุณมั่นใจและตัดสินใจได้อย่างถูกต้องครับ อย่าลังเลที่จะเข้ามาพูดคุยกับเรานะครับ เรายินดีที่จะดูแลและให้คำแนะนำที่ดีที่สุดสำหรับคุณครับ

ชีวิตเปลี่ยนจาก “หน้าบาน” สู่ “หน้าเรียว” ได้จริงหรือ?
ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่งของคนไข้หลายต่อหลายท่านที่เคยมีความกังวลเกี่ยวกับรูปหน้าที่ดูกว้าง ไม่เรียว หรืออาจจะรู้สึกว่าทำให้ขาดความมั่นใจ การฉีด โบท็อกซ์ เพื่อปรับลดขนาดกล้ามเนื้อกราม (Masseter Muscle) ได้เข้ามาเป็นเหมือน “เวทมนตร์” ที่ช่วยเนรมิตให้ใบหน้าของพวกเขากลับมาดูเรียวสวย สมส่วน และสร้างความมั่นใจให้กับพวกเขาได้อย่างไม่น่าเชื่อครับ
ลองจินตนาการดูนะครับ คนไข้บางท่านที่เคยหลีกเลี่ยงการถ่ายรูปมุมตรง เพราะไม่มั่นใจในกรอบหน้าที่ดูกว้าง หลังจากที่ได้ลองฉีด โบท็อกซ์ เพื่อปรับรูปหน้า พวกเขากลับมายิ้มได้อย่างเต็มที่ กล้าที่จะถ่ายรูปในทุกมุม และมีความสุขกับภาพถ่ายของตัวเองมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
หรือบางท่านที่อาจจะเคยรู้สึกว่าใบหน้าดูกลม ทำให้ดูมีอายุมากกว่าวัย หลังจากที่ได้ปรับรูปหน้าด้วย โบท็อกซ์ ใบหน้าของพวกเขาก็ดูเรียวขึ้น ดูอ่อนเยาว์ลง และมีความมั่นใจในการเข้าสังคมมากขึ้นครับ
ไม่ใช่แค่เรื่องของรูปลักษณ์ภายนอก แต่เป็นเรื่องของความรู้สึกจากภายใน:
สิ่งที่ผมสัมผัสได้จากการเปลี่ยนแปลงของคนไข้เหล่านี้ ไม่ได้มีแค่เรื่องของรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูดีขึ้นเท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือความรู้สึกมั่นใจในตัวเองที่เพิ่มมากขึ้นครับ เมื่อพวกเขามีความสุขกับรูปร่างหน้าตาของตัวเอง ก็ส่งผลให้พวกเขามีความกล้าที่จะทำสิ่งต่างๆ มากขึ้น กล้าที่จะเข้าสังคม กล้าที่จะแสดงออก และมีความสุขกับชีวิตมากขึ้นอย่างแท้จริงครับ
ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและค่อยเป็นค่อยไป:
สิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะเน้นย้ำคือ การฉีด โบท็อกซ์ เพื่อปรับรูปหน้าให้เรียวนั้น จะให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและค่อยเป็นค่อยไปครับ ไม่ใช่ว่าฉีดวันนี้แล้วพรุ่งนี้หน้าจะเรียวขึ้นทันทีทันใด แต่กล้ามเนื้อกรามจะค่อยๆ เล็กลงในช่วง 4-6 สัปดาห์หลังการฉีด ทำให้การเปลี่ยนแปลงดูเป็นธรรมชาติและไม่ดูตึงไปครับ
เรื่องเล่าจากคนไข้ (ขออนุญาตสงวนชื่อนะครับ):
ผมจำได้ว่ามีคนไข้ท่านหนึ่งที่มาปรึกษาผมด้วยความกังวลเรื่อง “หน้าบาน” มากครับ เธอเล่าว่ามักจะโดนเพื่อนๆ แซวว่า “หน้ากลมเหมือนพระจันทร์” ทำให้เธอขาดความมั่นใจมากๆ เวลาถ่ายรูปหรือเข้าสังคม หลังจากที่ผมได้ประเมินใบหน้าของเธอแล้ว พบว่าสาเหตุหลักมาจากกล้ามเนื้อกรามที่ค่อนข้างใหญ่ ผมจึงแนะนำให้เธอฉีด โบท็อกซ์ เพื่อปรับรูปหน้า
หลังจากผ่านไปประมาณ 1 เดือน เธอกลับมาหาผมด้วยรอยยิ้มที่สดใสขึ้นมาก เธอเล่าว่าเพื่อนๆ ทักว่าหน้าดูเรียวขึ้น และที่สำคัญคือเธอรู้สึกมั่นใจในตัวเองมากขึ้น กล้าที่จะถ่ายรูปในมุมต่างๆ และมีความสุขกับการแต่งหน้าทำผมมากขึ้นครับ นี่เป็นเพียงหนึ่งในหลายๆ ตัวอย่างที่ผมได้เห็นถึงพลังของการเปลี่ยนแปลงจาก “หน้าบาน” สู่ “หน้าเรียว” ด้วย โบท็อกซ์ ครับ
อย่างไรก็ตาม… ผลลัพธ์ย่อมแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล:
ถึงแม้ว่า โบท็อกซ์ จะสามารถช่วยเปลี่ยน “หน้าบาน” เป็น “หน้าเรียว” ได้จริง แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็อาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ที่ผมได้กล่าวไปแล้ว เช่น ขนาดของกล้ามเนื้อกราม ระบบเผาผลาญ และการตอบสนองของร่างกายต่อ โบท็อกซ์
หากคุณกำลังมีความกังวลเรื่อง “หน้าบาน” และอยากจะรู้ว่าโบท็อกซ์จะสามารถช่วยคุณได้หรือไม่…
ผมขอแนะนำให้คุณเข้ามาปรึกษาผมหรือทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ Aurora Clinic ทั้งใน สุราษฎร์ธานี และ เกาะสมุย นะครับ เราจะทำการประเมินสภาพใบหน้าของคุณอย่างละเอียด รับฟังความต้องการของคุณ และให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับคุณที่สุดครับ
อย่าปล่อยให้ความไม่มั่นใจในเรื่อง “หน้าบาน” มาบั่นทอนความสุขและโอกาสดีๆ ในชีวิตของคุณเลยครับ มาปรึกษาเราที่ Aurora Clinic สิครับ แล้วคุณอาจจะพบว่าชีวิตของคุณสามารถเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นได้จริงๆ จากการปรับรูปหน้าด้วย โบท็อกซ์ ครับ!
Aurora Clinic: เพื่อนคู่คิด มิตรคู่ความงามของคุณ ทั้งที่ สุราษฎร์ธานี และ เกาะสมุย

ผมและทีมแพทย์ Aurora Clinic พร้อมที่จะเป็นเพื่อนคู่คิดและมิตรคู่ความงามของคุณครับ ไม่ว่าคุณจะมีความกังวลใจในเรื่องใดเกี่ยวกับความงาม หรืออยากจะปรึกษาเรื่องการปรับรูปหน้าด้วย โบท็อกซ์ เพื่อให้ได้ “หน้าเรียว” ที่สวยมั่นใจ สามารถเข้ามาปรึกษาเราได้เลยครับ เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำแนะนำและออกแบบการรักษาที่เหมาะสมกับคุณโดยเฉพาะครับ
สำหรับท่านที่สนใจบริการฉีด โบท็อกซ์ เพื่อปรับรูปหน้าให้เรียวสวย หรือบริการอื่นๆ ของ คลินิกเสริมความงาม Aurora Clinic สามารถติดต่อสอบถามหรือนัดหมายเข้ามาปรึกษาได้ที่:
Aurora Clinic สาขา Samui ✨ FACEBOOK: facebook.com/auroraclinicsurat
Add line จองโปรโมชั่น : https://lin.ee/PJSVPOv6 (@aurorasamui)
TEL : 083-629-1446
Location : https://maps.app.goo.gl/y1a4H3wX5reeJU989
Opening Hours : เปิดทำการทุกวัน เวลา 10:00 น. - 20:00 น.
Aurora Clinic สาขาสุราษฎร์ธานี ✨
FACEBOOK: facebook.com/auroraclinicsamui
Tel : 096-652-0899Line : @auroraclinicLocation : https://maps.app.goo.gl/MfSBczSYdXZ2xctr9
Opening Hours : เปิดทำการทุกวัน เวลา 10:00 น. - 20:00 น.
เรายินดีต้อนรับทุกท่านด้วยความอบอุ่นและพร้อมที่จะดูแลคุณให้สวยและมั่นใจในแบบที่เป็นคุณครับ
บทสรุปจากใจ “หมอเติ้ง”
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกท่านเข้าใจเรื่อง โบท็อกซ์ กับการเปลี่ยน “หน้าบาน” เป็น “หน้าเรียว” มากยิ่งขึ้นนะครับ อย่าลืมนะครับว่าความสวยงามเป็นเรื่องของความมั่นใจ และที่ Aurora Clinic เราพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความมั่นใจนั้นให้กับคุณครับ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ คลินิกเสริมความงาม สุราษฎร์ธานี หรือ เกาะสมุย เรายินดีให้บริการด้วยมาตรฐานระดับสากลและทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญครับ
หากมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โบท็อกซ์ หรือบริการอื่นๆ ของคลินิก สามารถสอบถามเข้ามาได้เลยนะครับ ผมและทีมงาน Aurora Clinic ยินดีตอบทุกข้อสงสัยครับ แล้วพบกันที่ Aurora Clinic นะครับ!
FAQ
Q&A กับหมอเติ้ง: เคลียร์ทุกข้อสงสัย เรื่อง “โบท็อกซ์” กับ “หน้าเรียว”
เอาล่ะครับ เพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจเรื่อง โบท็อกซ์ มากยิ่งขึ้น ผมได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ โบท็อกซ์ กับการเปลี่ยน “หน้าบาน” เป็น “หน้าเรียว” มาตอบให้ทุกคนได้คลายความสงสัยกันครับ
Q: ฉีดโบท็อกซ์แล้วจะเห็นผลเลยไหม?
หมอเติ้ง: โดยทั่วไปแล้ว หลังจากฉีด โบท็อกซ์ จะเริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ครับ และจะเห็นผลเต็มที่ประมาณ 4-6 สัปดาห์ครับ กล้ามเนื้อกรามจะค่อยๆ เล็กลง ทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติครับ
Q: ฉีดโบท็อกซ์เจ็บไหม?
หมอเติ้ง: ความรู้สึกเจ็บจากการฉีด โบท็อกซ์ ถือว่าน้อยมากครับ ส่วนใหญ่จะรู้สึกเหมือนโดนมดกัดเล็กน้อยเท่านั้นเองครับ ก่อนฉีดเราจะมีการประคบเย็นเพื่อช่วยลดความรู้สึกไม่สบายผิวด้วยครับ
Q: ฉีดโบท็อกซ์แล้วหน้าจะแข็ง ตึง หรือดูไม่เป็นธรรมชาติไหม?
หมอเติ้ง: การฉีด โบท็อกซ์ เพื่อปรับรูปหน้าให้เรียวสวยนั้น จะเน้นความเป็นธรรมชาติครับ เราจะฉีดในปริมาณที่เหมาะสมและตรงจุด เพื่อให้กล้ามเนื้อกรามคลายตัวและเล็กลง โดยที่ยังคงสามารถแสดงสีหน้าและบดเคี้ยวอาหารได้ตามปกติครับ ที่สำคัญคือการเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์และเข้าใจกายวิภาคของใบหน้าเป็นอย่างดี จะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาสวยงามและเป็นธรรมชาติครับ
Q: โบท็อกซ์อยู่ได้นานแค่ไหน? ต้องฉีดซ้ำบ่อยแค่ไหน?
หมอเติ้ง: โดยเฉลี่ยแล้ว ผลลัพธ์ของ โบท็อกซ์ จะอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือนครับ ซึ่งระยะเวลาอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ปริมาณ โบท็อกซ์ ที่ฉีด การดูแลตัวเองหลังฉีด และการตอบสนองของร่างกายแต่ละคนครับ เมื่อ โบท็อกซ์ เริ่มหมดฤทธิ์ กล้ามเนื้อกรามก็จะค่อยๆ กลับมาทำงานตามปกติ หากต้องการคงผลลัพธ์ไว้ ก็สามารถกลับมาฉีดซ้ำได้ครับ โดยทั่วไปแล้ว เราแนะนำให้ฉีดซ้ำเมื่อรู้สึกว่ากล้ามเนื้อกรามเริ่มกลับมาใหญ่ขึ้นครับ
Q: ใครบ้างที่ไม่ควรฉีดโบท็อกซ์?
หมอเติ้ง: ถึงแม้ว่า โบท็อกซ์ จะมีความปลอดภัยสูง แต่ก็มีบางกรณีที่ไม่แนะนำให้ฉีดครับ เช่น ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิดเกี่ยวกับระบบประสาทและกล้ามเนื้อ หรือผู้ที่มีประวัติแพ้สาร Botulinum Toxin ครับ ดังนั้นก่อนตัดสินใจฉีด โบท็อกซ์ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพร่างกายและรับคำแนะนำที่เหมาะสมก่อนครับ
Q: ฉีดโบท็อกซ์ที่ Aurora Clinic แตกต่างจากที่อื่นอย่างไร?
หมอเติ้ง: ที่ Aurora Clinic เราให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติมากที่สุดครับ เราเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ โบท็อกซ์ ที่ได้มาตรฐานระดับสากล ผ่านการรับรองจากอย. ทุกขวดเป็นของแท้ 100% สามารถตรวจสอบได้ครับ ที่สำคัญที่สุดคือการฉีด โบท็อกซ์ ทุกเคสจะดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการปรับรูปหน้าด้วย โบท็อกซ์ มาอย่างยาวนาน ทำให้มั่นใจได้ว่าจะได้รับการรักษาที่ตรงจุด ปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ที่สวยงามเป็นธรรมชาติอย่างที่คุณต้องการครับ นอกจากนี้ เรายังมีทีมงานที่พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลคุณอย่างใกล้ชิดตลอดกระบวนการรักษาครับ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ สุราษฎร์ธานี หรือ เกาะสมุย ก็สามารถมั่นใจในคุณภาพและมาตรฐานการบริการของเราได้ครับ
תגובות